โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคที่ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญมากนัก ในหลายๆคน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไวรัสตับอักเสบนั้นจัดเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง แม้อาการของโรคจะไม่รุนแรงก็ตาม แต่เป็นสาเหตุ ให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับตามมาส่งผลให้ในปัจจุบันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีมาก
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ปี 2562 พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังทั่วโลก ประมาณ 257 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังทั่วโลก ประมาณ 71 ล้านคน สำหรับประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2.2-3 ล้านคน โดยพบมากในประชาชนอายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากประเทศไทยมีระบบการให้บริการวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ตั้งแต่ปี 2535 ทำให้การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีลดลงจากอดีตมาก ในปี 2559 คาดว่าเด็กที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 3,800 คน และคาดประมาณผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี จำนวน 356,670 คน ซึ่งพบมากในผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมองเรื่องโรคไวรัสตับอักเสบบีอย่างจริงจัง
“ไวรัสบี” น่ากลัวอย่างไร
เชื้อไวรัสตับอักเสบมีอยู่หลายชนิด คือชนิดเอ บี ซี ดี อี แต่ที่ต้องให้ความสำคัญคือไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพราะไวรัสตับอักเสบชนิดบีทำให้ผู้ได้รับเชื้อ มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และร้ายแรงจนอาจกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด ในบ้านเรา ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 มีประวัติเป็นโรคไวรัสตับอักเสบมาก่อนทั้งนั้น”
ไวรัสตับอักเสบบีมื่อมีการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ส่วนมากผู้ที่ได้รับเชื้อจะไม่รู้ตัว เพราะไม่มีอาการป่วยใดๆ ให้สังเกตุอาการได้ ซึ่งบางรายอาจมีไข้หรือปวดเมื่อยเนื้อตัวซึ่งทำให้เข้าใจผิด ไปได้ว่าเป็นเพียงไข้หวัด ธรรมดา
ประเภทของโรคไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีนั้นแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ แบบเฉียบพลัน (เป็นแล้วหายภายใน 6 เดือน) และแบบเรื้อรัง (เป็นนานกว่า 6 เดือน)
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในภาวะที่มีการอักเสบจะรู้สึก
อาการพวกนี้จะดีขึ้นภายใน 2 - 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา และผู้ป่วยส่วนมาก จะไม่กลับมาเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีอีก แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่สามารถ จัดการกับเชื้อไวรัสได้ ก็จะกลายเป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดเรื้อรังซึ่ง อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับต่อไป”
โดยส่วนมากแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรังมักได้รับเชื้อ มาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทารกหรือวัยเด็ก โดยได้รับจากมารดาในช่วงหลังคลอด รวมทั้งได้รับเชื้อจากคนแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ “ซึ่งในไทยพบว่าจะพบเชื้อมากในเด็กในสถานที่ ที่เด็กอยู่รวมกันเยอะ ๆ จากการเล่นคลุกคลีกัน เพราะภูมิคุ้มกันของเด็ก ยังไม่แข็งแรงจึงติดเชื้อง่าย ซึ่งร่างกายยังไม่รู้ว่าเชื้อนี้เป็นเชื้อโรคที่ต้องกำจัด ทำให้เชื้อไม่ถูกต่อต้านและแพร่พันธุ์ไปเรื่อยๆ โดยเด็กไม่มีอาการตับอักเสบ ถือเป็นพาหะไวรัสบีเฉยๆ” เมื่อเด็กที่ได้รับเชื้อโตขึ้น จำนวนเชื้อไวรัสจะลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายพัฒนาขึ้น บางรายโชคดีภูมิต้านทานจัดการไวรัสสำเร็จ ก็หายได้ ขณะที่บางรายเกิด ภาวะตับอักเสบ เป็น ๆ หาย ๆ จนกลายเป็นโรคเรื้อรังขึ้นมาเมื่อโตเป็น ผู้ใหญ่อายุ 20 - 40 ปี